วังสวนบ้านแก้ว…ฟ้าที่ติดดิน
ประเทศไทยใจเดียว คมฉาน ตะวันฉาย...เรื่อง/ภาพ kokkram@hotmail.com วังสวนบ้านแก้ว...ฟ้าที่ติดดิน หลังจากสละราชสมบัติในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ฯ สมเด็จพระราชินี ทรงประทับยังชนบทชานกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ จนกระทั้งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จสวรรคตที่ประเทศอังกฤษ ในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ใน www.wuangsuanbankaew.com บรรยายความตอนนี้ว่า “...สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ทรงจัดการเรื่องพระบรมศพและถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นการภายใน ในวันที่ ๓ มิถุนายน ศกนั้น นับเป็นงานพระบรมศพที่เรียบง่ายปราศจากพระเมรุมาศ ไม่มีการถวายพระเกียรติยศใดๆ ที่สมกับพระราชอิสริยยศในฐานะอดีตพระมหากษัตริย์ไทยเลย และไม่มีพระราชพิธีทางศาสนาที่จะจัดถวายได้เนื่องจากเวลานั้นในประเทศอังกฤษยังไม่มีภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาประจำอยู่ มีเพียงดนตรีบรรเลงเมเดลโซนไวโอลีนคอนแชร์โต (Merdelssohn Violin Concerto) ซึ่งเป็นเพลงที่พระเจ้าอยู่หัวโปรดเป็นพิเศษคลอเบา ๆ นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ซึ่งต้องทรงต่อสู้กับความเศร้าโศกโทมนัสด้วยพระขันติธรรมที่สูงยิ่ง...
พ.ศ. ๒๔๙๒ รัฐบาลไทย (ขณะนั้น) ได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ขอพระราชทานให้ทรงอัญเชิญพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จกลับประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ โดยประชาชนไทยนับหมื่นคนได้มารับเสด็จฯ กลับของพระมหากษัตริย์ผู้นิราศ ณ ท่าราชวรดิษฐ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบันทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานถวายครบถ้วนตามประเพณีก่อนอัญเชิญเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง เพื่อประดิษฐานร่วมกับบรรดาพระมหาบูรพกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีตราบชั่วนิรันดร์...”

หลังจากเสด็จกลับสู่ประเทศไทยแล้ว สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ก็ทรงไม่มีที่ประทับ เพราะวังศุโขทัยที่เคยเป็นที่ประทับเดิมนั้น ได้ถูกรัฐบาลครั้งนั้นนำไปทำเป็นที่ทำการของกระทรวงสาธารณะสุข จึงต้องเสด็จไปประทับที่วังสระปทุมเป็นการชั่วคราว ระหว่างนั้นก็ทรงมองหาสถานที่ที่จะสร้างที่ประทับ โดยหมายตาไว้ที่เชียงใหม่และจันทบุรี แต่ที่ที่เชียงใหม่นั้นแพงเกินไป พระองค์ไม่มีพระราชทรัพย์มาก จึงได้ตัดสินใจซื้อที่ที่จันทบุรี โดยทรงกู้เงินจากธนาคารเพื่อซื้อที่ดินสองฝั่งคลองบ้านแก้ว ในเขตอำเภอเมือง รวมเนื้อที่ ๖๘๗ ไร่ และพระราชทานนามสถานที่แห่งนี้ตามชื่อคลองว่า “สวนบ้านแก้ว”


เป็นเนื้อความที่เวบไซค์วังสวนบ้านแก้ว ได้บอกเล่าถึงความเป็นมาของวังที่เป็นบ้านสวนแห่งนี้ได้อย่างครบถ้วน เรือนเทา ซึ่งเป็นที่ประทับของพระราชินีในรัชกาลที่ ๗ ของประเทศไทยในวังสวนบ้านแก้วนั้น เป็นเพียงบ้านพักหลังเล็กๆเพียงชั้นครึ่ง ไม่ได้ดูวิลิศมาหรา พระองค์ทรงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายทรงพึ่งพาตัวเองทุกอย่าง ทรงปลูกผัก เลี้ยงไก่ เลี้ยงสัตว์ไว้เป็นอาหาร ทรงปลูกผลไม้ในบริเวณพระราชวังบ้านสวนแห่งนี้เฉกเช่นชาวจันทบุรีทั่วไป ทรงทำอิฐแดงไว้ใช้ก่อสร้างต่างๆในสวนเอง โดยทรงซื้อเครื่องมืออัดดินแบบง่ายๆมาทำอิฐ “สบก.” หรือ สวนบ้านแก้วที่เราคุ้นตากันดีนั่นเอง ทั้งพระองค์ทรงทอเสื่อจันทบูรณ์ไว้ใช้เอง โดยศึกษาจากภูมิความรู้ของชาวจันทบุรี ดัดแปลง ผสมผสานกับเทคนิคความรู้ใหม่และได้ถ่ายทอดความรู้กลับคืนสู่ชาวจันทบุรี จนเสื่อจันทบูรณ์ของแท้ มีความประณีต สวยงามและเป็นสินค้ามีราคา


ในปัจจุบัน ภายในสถาบันราชภัฏรำไพพรรณี ในจันทบุรี เปิดให้เข้าไปเที่ยวชมวังบ้านสวน สถานที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ สมเด็จพระราชินีในรัชการที่ ๗ ที่ยังคงเก็บสถานที่และสิ่งปลูกาสร้างต่างๆไว้เฉกเช่นครั้งที่พระองค์ยังคงประทับอยู่ เรียนเทา อันเป็นที่ประทับ อาคารที่ทรงงาน เล้าไก่ บ่อน้ำ โรงอิฐ ที่พระองค์เคยทรงงานเมื่อครั้งประทับทำสวนที่จันทบุรี รถยนต์พระที่นั่งที่พระองค์ทรงขับไปจ่ายตลาดในตัวเมืองจันทบุรี สวนผลไม้ที่พระองค์ทรงปลูกทั้งเงาะ ทุเรียน มังคุด กระท้อน ยังคงให้ผลผลิตไปตามฤดูกาลทุกปี นักท่องเที่ยวสามารถเด็ดชิมได้ตามใจชอบ ที่สถาบันราชภัฏรำไพพรรณีฯแห่งนี้จึงเป็นสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ร่มรื่นด้วยความเป็นธรรมชาติของสวนป่าดั้งเดิม สามารถเข้าไปเที่ยวชมทุกวัน โดยมีเจ้าหน้าที่บรรยายและพาชมหรือจะนำจักรยานไปปั่นชมทั่วทั้งสถานที่ก็ยังได้ ท่านจะซาบซึ้งทั้งบรรยากาศและเรื่องราวอันแสนน่าประทับใจในวังบ้านสวนแห่งนี้
